จากเด็กนักเรียนมอปลายที่มีความฝันอันแรงกล้าที่จะเป็นครูให้ได้ในอนาคต ซึ่งเมื่อตอนยังเป็นเด็กเล็กอยู่ ทุกคนคงจะหนีไม่พ้นคำถามที่ว่า "โตขี้นหนูอยากเป็นอะไร" ฉันก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องตอบคำถามนี่ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ตั้งแต่จำความได้ทุกครั้งที่มีคนถามคำถามนี้คำตอบที่พวกเขาได้ยินเสมอๆนั่นก็คือ "หนูอยากเป็นครูคะ" จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ความคิด ความฝันอันนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และแน่นอนว่าหนทางการเป็นครูนั้นไม่ได้ราบรื่นเสียทีเดียว แต่ต้องต่อสู้ อดทน เพียรพยายามอยู่ 5 ปีเต็ม ในช่วงปีที่ 1 นั้นยังคงไม่มีปัญหา อุปสรรคมากมายนัก เพราะรูปแบบของการใช้ชีวิตในช่วงนั้นก็คล้ายๆกับตอนเรียนมอปลาย ถึงปี 2 เริ่มมีความหนักใจเกี่ยวกับความยากของภาษาอังกฤษ และเริ่มกลัว เริ่มกังวลว่าจะสามารถเรียนได้หรือเปล่า ตนเองจะไปได้ดังที่หวังหรือไม่ แต่ด้วยกำลังใจจากเพื่อน ครูอาจารย์ และที่สำคัญคือครอบครัวทำให้ตั้งใจมากขึ้น พยายามมากขึ้น เริ่มตั้นใหม่ในหลายๆสิ่งๆที่ผ่านมาที่คิดว่าตนเองยังไม่ได้ทำอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ และแล้วปีที่ 2 ก็สามารถผ่านพ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยม จากจุดจุดนี้เองที่ทำให้ช่วงปีที่เหลือไม่ค่อยยอมแพ้ต่อปัญหา อุปสรรคง่ายๆ แต่ตรงกันข้ามคือมองว่าปัญหาคือขนมหวาน เพราะมันคือบทเรียนที่ดีมากที่ช่วยให้เราทดสอบตนเอง เรียนรู้ด้วยตนเอง แก้ปัญหาอย่างมีระบบ เกิดปัญญาเมื่อปัญหาเกิด และช่วงที่คิดว่าสนุก และมีความสุขที่สุดของการได้มาเรียนครูในครั้งนี้คือการออกฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูในสถานศึกษาจริง เพราะที่นี่ต้องปฏิบัติเอง เหมือนสโลแกนหนังไทยเรื่องหนึ่งที่กล่าวถึงนางเอกของเรื่องว่า "เล่นจริง เจ็บจริง" ในโรงเรียนก็เช่นกันต้องสอนจริง ปฏิบัติจริงเฉกเช่นครูหนึ่งคน ยิ่งโรงเรียนที่ข้าพเจ้าสอนนั้นเป็นโรงเรียนตามโครงการครูสหกิจฟังอย่างนี้แน่นอนว่าเป็นโรงเรียนที่ขาดแคลนครู ดังนั้นทุกงานจึงได้ทำด้วยตนเองหมด เรียนรู้อย่างรอบด้าน และครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการครองตน ครองคน ครองงาน ซึ่งมันจะสัมพันธ์เชื่อมโยงกันเป็นวงกลม ไม่ควรมีหน้าที่ใดหน้าที่หนึ่งที่จะขาดหาย ขาดตกบกพร่องไป จากการฝึกวิชาชีพครู หรือที่เราชอบเรียกกันว่าฝึกสอนนั้นทำให้ได้เป็นครูอย่างจริง ทุกคนเป็นครูได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนจะป็นครูที่ดีได้ การเป็นครูที่ดีไม่มีสูตรสำเร็จ การเป็นครูที่ดีหรือไม่ไม่ได้ดูที่ผลงานเอกสาร แต่ดูที่นักเรียนว่าเกิดการเรียนรู้ได้ด้วยตนเองมากน้อยเพียงใด จากวันนั้นถึงวันนี้นับวัน เวลาได้ก็เกือบจะ 5 ปีเต็มได้เรียนรู้อะไรมากมาย ทั้ง สุข เศร้า เสียใจ ดีใจ หลากหลายอารมณ์ และเพื่อนๆที่ร่วมอุดมการณ์ สายงานอาชีพเดียวกันนี้ก็คงประสบพบเจออะไรที่ไม่แตกต่างกันมากนัก ซึ่งเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะช่วยผลักดันให้เราเป็นครูที่แข็งแกร่งต่อไป
ก่อนจะถึงวันวันที่สามารถยืดอกพูดได้เต็มปากว่า "หนูเป็นครูคะ" วันนี้มีรูปถ่ายที่ได้ไปถ่ายชุดครุย ซึ่งเป็นอีกความประทับใจหนึ่งที่ไม่อาจลืมเลือน จำได้วันแรกที่สวมชุดนี้น้ำตาแทบไหล เพราะนั่นหมายถึงความเพียร พยายามทั้งหมดที่มันใกล้จะเป็นความจริงในอีกไม่ช้า